ชูก้าไรเดอร์

ชูก้าไรเดอร์

               ชูก้าไรเดอร์ หรือบางคนอาจเรียกว่า จิงโจ้ร่อน โดยเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมขนาดเล็ก และอยู่ในอันดับสัตว์มีกระเป๋าหน้าท้องจำพวกพอสซัม และกระเป๋าหน้าท้องมีเฉพาะตัวเมียและเอาไว้ใช้ในการเลี้ยงลูกเล็กให้โต ลักษณะภายนอกทั่วไปมีความคล้ายกับกระรอกแต่ในความจริงแล้วเป็นสัตว์ชูก้าไรเดอร์เป็นสัตว์คนละอันดับกับกระรอกที่มีเป็นสัตว์บินอยู่ในอันดับสัตว์ฟันแทะ จึงทำให้ใครหลายคนคิดว่ามันคือสัตว์ตระกูลเดียวกัน

               ชูก้าไรเดอร์เป็นสัตว์ที่ชอบอยู่รวมกันเป็นฝูงนับตั้งแต่ 6-10 ตัวขึ้นไปต่อฝูง การอยู่อาศัยจะมีการแบ่งอาณาเขตที่อยู่อาศัยกันค่อนข้างชัดเจน สับตัวผู้จะมีหน้าที่ของการเป็นจ่าฝูงพร้อมทั้งมีการปล่อยกลิ่นเพื่อเป็นการสร้างอาณาเขตให้กับฝูงของตนเอง สำหรับอายุเฉลี่ยอยู่ที่ 10-15 ปี ลักษณะการอยู่อาศัยที่เป็นการอาศัยตามชาติเพราะชอบอยู่บนต้นไม้ ความสามารถในการเกาะยึดต้นไม้ด้วยเล็บที่แหลมคมเกาะยึดต้นไม้ได้ดีเมื่อเวลาข้ามจากต้นไปยังอีกต้นของการกระโดดหรือบิน

               ลักษณะทั่วไปของ ชูก้าไรเดอร์ มีขนหนานุ่มและด้านข้างลำตัวจะมีพังผืดที่สามารถกางออกใช้ในเวลาต้องการลู่ลมหรือร่อนลง เพียงแค่กางขาหน้าหลังเท่านั้นที่ให้ความรู้สึกเหมือนเล่นเครื่องร่อน อีกทั้งมีลักษณะเหมือนกับกระรอกบินหรือบ่าง การออกหากินจะเป็นช่วงเวลากลางคืนเป็นหลัก ส่วนอาหารที่ชอบกินจะเป็นจำพวกแมลงเป็นหลัก ส่วนผลไม้จะกินรองลงมา เมื่ออยู่ในช่วงที่โตเต็มวัยจะมีความยาวประมาณ 11 นิ้ว การแพร่พันธุ์ส่วนมากจะกระจายตั้งแค่ ปาปัวกินี ถึงออสเตรเลียทางซีกตะวันออก และมีนิสัยที่ไม่ดุร้าย น่ารัก จึงเป็นสัตว์เลี้ยงยอดนิยมที่ใครหลายคนให้ความสนใจเลือกซื้อมาเลี้ยงและยังมีการเพาะพันธุ์ขายเป็นจำนวนมาก โดยมีสายพันธุ์ที่นิยมเลี้ยงคือ

• White Face เป็นพันธุ์ที่มีความสวยงามและมีสีเหมือนกับธรรมดาทั่วไปแต่จะมีหน้าที่เป็นสีขาวไม่มีเส้นสีดำจากใบหูถึงตา

• White Tip ชูก้าไรเดอร์จะมีลักษณะปลายหางที่มีสีขาว

• Mosaic เป็นสายพันธุ์ที่มีลักษณะตัวจะเป็นสีครีมหรือสีขาวที่มีลายทั่วตัวจึงเป็นที่มาของชื่อนี้

• Albino หรือในบ้านเราจะเรียกว่า ชูก้าไรเดอร์ เผือก เพราะมีสีขาว ดวงตาสีแดง
• Leucistic มีลักษณะเป็นสีขาวตาสีดำคนส่วนใหญ่คนนิยมเรียกคือ BEW

           สำหรับสายพันธุ์ที่นิยมเลี้ยงจะมีราคาจำหน่ายที่ต่างกันออกไป หากต้องการเลี้ยง ชูก้าไรเดอร์ ควรศึกษาและทำความเข้าใจลักษณะความเป็นอยู่ศัยของพวกมันด้วยจะดีมากกว่าการเลี้ยงแบบทอดทิ้ง