ฮิปโปโปเตมัส

ฮิปโปโปเตมัส

               ฮิปโปโปเตมัส เป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมชนิดหนึ่ง จัดว่าเป็นสีตว์ที่มีรูปร่างอ้วนกลมใหญ่เหมือนหมู แต่มีส่วนหัวและปากที่ใหญ่มากกว่า โดยปากที่มีเขี้ยวล่างยาวมาก สามารถที่จะวัดความยาวได้ถึง 40 ซม. ถือว่าเป็นอาวุธที่สำคัญและใช้เป็นการป้องกันตัวเองได้ดี  ตัวผู้จะมีนิสัยที่ค่อนข้างก้าวร้าวกว่าเพศเมีย เป็นสัตว์ที่มีผิวหนังหนามากและมีเมือกเคลือบอยู่ มีตาอยู่บนหัวเพื่อสะดวกในการมองเวลาดำน้ำ สำหรับฮิปโปโปเตมัสมีน้ำหนักได้ถึง 2-4 ตัน นอกจากนี้หนังที่หนาจะมีเมือกทีแดงอ่อนที่ช่วยในการป้องกันแมลงและให้ผิวหนังชุ่มชื้นตลอดเวลา ความสามารถกินอาหารได้มากประมาณ 80กก. อ้าปากได้กว้าง 180 องศา มีกรามที่แข็งแรงมากถึง 1,825 ปอนด์ต่อตารางนิ้ว


ฮิปโปโปเตมัสแคระ ที่มีขนาดเพียง 1 ใน 10 ของ ฮิปโปโปเตมัสความสูงไม่เกิน 1 เมตร น้ำหนักประมาณ 180-275 เมตร มีผิวหนังที่มีความเข้มมากกว่า โดยเป็นสีเขียวเข้ม มีเหงื่อใสผิวหนังเรียบ เป็นสัตว์ที่รักความสันโดษ เป็นสัตว์หากินกลางคืน สามารถใช้เส้นทางการหากินร่วมกันมากกว่าหนึ่งตัวได้ ในเวลากลางวันจะหลบซ่อนตัวหรือแช่น้ำ แหล่งที่อยู่อาศัยจะเป็นการขุดเพื่อทำโพรงดินแถวริมตลิ่งน้ำ และเป็นบริเวณที่กิ่งไม้หรือรากวัสดุธรรมชาติมาปกปิดเอาไว้และความยาวของโพรงประมาณ 9 เมตร และต้องดำน้ำเข้าโพรงเพื่อความปลอดภัยและไว้ใช้เป็นที่อยู่เพื่อใช้เลี้ยงลูกน้อย ถือว่าเป็นสัตว์ที่มีจำนวนเหลือน้อยเพราะมาจากการถูกล่าของมนุษย์ เหลือเพียงไม่เกิน 3,000 ตัว จัดว่าเป็นสัตว์ใกล้สูญพันธุ์ ฮิปโปโปเตมัสแคระมีพฤติกรรมในการปล่อยฟีโรโมนที่มีความคล้ายกับแมว เมื่อใดก็ตามที่มีฮิปโปโปเตมัสแคระตัวเมียเดินมาพบกับฟีโรโมนของตัวเอง จะเป็นแรงกระตุ้นให้ตัวเมียมีความรู้สึกสดชื่นและคึกคัก


ปัจจุบันเป็นสัตว์ที่ถูกจัดแสดงตามสวนสัตว์ในพื้นที่ต่าง ๆ เป็นที่ยอมรับและได้รับความสนใจอย่างมาก แต่ตามธรรมชาติจะสามารถพบได้ที่แม่น้ำลูแองวาในประเทศแซมเบีย เวลาที่ขับถ่ายจะเป็นการเลือกใช้หางปัดเวลาถ่ายจะทำให้มูลของพวกมันกระเด็นไปรอบ ๆ เพื่อบอกอาณาเขต สำหรับช่วงเวลาของการผสมพันธุ์พวกมันจะผสมพันธุ์กันได้ตลอดทั้งปีจึงเป็นความต่างจากสัตว์ชนิดอื่น ๆ ที่ต้องรอช่วงเวลามาถึง  ระยะเวลาที่ตั้งท้องนานประมาณ 8 เดือน ลูกฮิปโปจะสามารถดื่มนมในน้ำได้และดูดนมจนถึงอายุประมาณ 4-8 เดือน เพศเมียสามารถตกลูกได้ประมาณ 2 ปีต่อครั้ง ทั้งนี้การค้นหาตัวพวกมันจะมีเพียงไม่กี่แห่งในโลกที่อาศัยอยู่ตามธรรมชาติเท่านั้น



ความคิดเห็น